ความจริงมีหลายระดับ ทุกๆอย่างมีความจริงหลายมิติ ที่รอให้เราหาคำตอบ เเละบางคนก็เลือกที่จะเข้าใจความจริงเเค่ระดับตื้นๆ บางคนตั้งใจค้นหาความจริงที่ลึกลงไป
ถึงเเม้ว่าStreet mtbจะต่างจาก bmx เเละทำให้คนอื่นๆต้องเเปลกใจเเละต้องมาเชื่อมโยงความคิดในสมองเสียใหม่ เพื่อสรา้งภาพลักษณ์ให้กับเรา เราทำอะไรเหมือนบีเอ็มเอ้กซ์ เเต่เราคันใหญ่กว่า เเละเราส่วนมากก็เป็นผู้ใหญ่กว่า นั่นทำให้อติเกี่ยวกับช่วงวัยถูกมองข้ามไป(จากบทความก่อนๆ ได้พูดเกี่ยวกับ วัยรุ่น)
มาวันนี้ ชั่วโมงนี้Street mtb อาจเป็นสิ่งเเปลกใหม่ของสังคมเชียงใหม่ เเต่มันต้องมีวันนึงที่คนในสังคมสามารถเชื่อมโยงเเละเห็นถึงจุดที่เหมือนกันระหว่าง จักรยาน26นิ้วอย่างเรา เเละ บีเอ็มเอ็กซ์ เเละเมื่อคนส่วนมากเข้าใจเเละเล็งเห็นในจุดนั้น Street mtb ก็จะตกในชะตากรรมที่ไม่ต่างกันเท่าใดนัก เราจะกลายเป็นพวก.....(ต้องรอสังคมนิยามอีกครั้ง หลังจากนี้)
ไม่เเน่ใจว่า ผมได้กล่าวถึงคำว่าการทำลายในบทความที่ผ่านมาหรือยัง มีคำถามว่า "เราเเค่ปั่นเฉยๆ ทำไมถึงมาไล่ หรือว่า จ้องมองราวกับเราเป็นตัวร้ายในละคร ทั้งที่เราไม่ใส่pegs เเละเราไม่ได้ ทำอะไรเลย เเค่ปั่น Just ride!!"ในจุดนี้เเน่นอนว่าเราไม่ได้สร้างความเสียหายกับสาธารณะสมบัติ เเต่สิ่งหนึ่งที่เราทำลาย คือ เราทำลายสิ่งที่เป็นนามธรรมของสังคม ทุกๆคนมีเส้นบางๆที่มองไม่เห็นรอบๆตัวเอง(เหมือนโฆษณาM150) การที่มีใครเดินเฉียดเราในระยะใลก้ เเละไม่กล่าวขอโทษ นั่นก้เพียงพอให้เราด่าเขา/เธอว่า "อ่าวเหี้ย" หรืออย่างน้อยก็ตั้งคำถามกับพฤติกรรมเดินเฉียดเราใกล้ๆ "ล้ำเส้น"นั่นเอง
สังคมมีกฏเกณฑ์กำกับอยู่ทุกๆที่ ทุกๆอย่างมีความหมายเเละคนก้รับรู้ควมหมายของสิ่งเหล่านั้นค่อนข้างจะตายตัว ความหมายของถนนคือที่สำหรับยานพาหนะ ทางเท้าคือที่สำหรับคนเดิน นั่นชัดเจนเเละเเจ่มชัดในความคิดของคนทั่วไป เเต่พวกเรากลับบิดเบือนความหมายของถนน-ทางเท้า โดยการ bunny hopข้ามไปข้ามมาระหว่างสองสิ่ง ทางเท้าไม่ได้มีไว้สำหรับเดินอย่างปลอดภัยอีกต่อไปเมื่อเราปรากฎตัวขึ้น เป็นต้น
มันควรจะมีคอนเส็ป ที่ดีๆมาอธิบายให้ลึกซึ้งกว่านี้ ไว้จะศึกษาเพิ่มเติม เเล้ววิเคราะห์ปรากฏการณ์นี้ต่อไปในอนาคต
การขี่จักรยานสำหรับผมเเล้ว มีจุดยืนอยู่หนึ่งข้อคือ ตราบใดที่ผมยังไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของคุณ คุณเองก็ไม่มีสิทธิที่จะว่า ฯลฯ กับผม
ปล. ไปตายซะ เทศกิจ
ที่หาดใหญ่-สงขลา ก็เป็นเหมือนกันคับ
ตอบลบแต่ส่วนใหญ่จะเป็น "ยาม"